วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การล้างสิ่งไม่ดีออกจากชีวิต เพื่อไม่ให้มาติดตัวในอนาคต ตอนที่ 2


                                      



เหตุการณ์ที่จะนำมาเสนอเรื่องนี้ แม้จะเกิดขึ้นมานานมากแล้วก็ตาม แต่เจ้าของประสบการณ์วิญญาณหลอนยังคงจดจำไดไม่รูลีม...

เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถือว่าไม,ใช่เรื่องปกติธรรมดาเลย สำหรับใครคนใดคนหนึ่งที่ถูกดวงวิญญาณตามล่าหาหนทางล้างแค้นมาเป็นเวลากว่า30 ปี โดยคุณสกุลรัตน์ หรุ่มเจริญวงด้ ผู้เล่าเรื่องนี้ได้ยืนยันหนักแน่นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงย้อนเวลาไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว สมัยที่ลุงกับป้าของคุณสกุลรัตน์ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวด้วยกันทั้งคู่ ในช่วงแรกที่ทั้งคู่ตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันนั้น ทั้งลุงและป้าก็ปรึกษาหารือกันว่า ลำพังเงินทองที่ได้จากการทำไร่ทำนาคงไม่พอ เครื่องติดตามราคา แยงครอบครัวได้เพราะไหนจะค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ค,าป๋ย ค่าพืชไร่ ทั้งยังต้องเก็บเงินที่ต้องสะสมไว้สำหรับลูก ซึ่งทั้งคู่มองว่านอกจากงานหลักคือการทำไร่ ทำนาแล้วก็ควรต้องมีอาชีพเสริมอีกสักอย่างหนึ่ง และอาชีพเสริมนั้นก็ต้องทำกันเองภายในบ้านได้ลุงของคุณสกุลรัตน์ซึ่งรํ่าเรียนจนจบวิทยาลัยเกษตร จึงได้เกิดความคิดว่าเมื่อปลูกพืชไร่พืชสวนขายเอารายได้แล้ว การเลี้ยงไก่เพื่อขายไข่และขายเนื้อ ก็น่าจะทำรายได้ให้ดีพอสมควร ซึ่งถ้าเป็นจริงอย่างที่ตั้งใจ ก็คงจะมีเงินเก็บไว้นอนรอในแบงก์ได้

เมื่อภรรยาคู่ชีวิตได้ฟังความคิดของสามีก็เห็นดีด้วย และบริเวณบ้านก็กว้างขวางพอจะทำเล้าไก่ได้ ลุงจึงตระเตรียมเครื่องมือและไหว้วานเด็กในละแวกบ้านมาช่วยเหลือทำเล้าไก่ เสร็จเรียบร้อยจึงเข้าเมืองไปหาซื้อพันธุไก่มาเพาะเลี้ยงกว่า100 ตัว พร้อมทั้งซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็น รวมถึงอาหารสำหรับเลี้ยงไก่มาไว้พร้อมสรรพเมื่อตั้งใจว่าจะเลี้ยงไก,เป็นอาชีพเสริม ลุงจึงจัดสรรเวลาสำหรับออกไร่ออกนาทุกวันในช่วงบ่าย ติดตามรถยนต์ โดยแกจะเลี้ยงดูให้อาหารไก่ในช่วงเช้าและเย็น ซึ่งวิธีของลุงทำให้หลายคนเปรียบเทียบว่า เหมือนไก่เป็นลูก และตัวลุงเป็นพ่ออย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียวเพราะไม่ว่าจะกินจะนอน จะเจ็บไขได้ปวยอย่างไร ลุงของคุณสกุลรัตน์ก็จะต้องเข้าไปดูแลไก่ของแกแบบประชิดสนิทสนม ซึ่งบางครั้งแทบจะกินนอนในเล้าไก่ จนบ่อยครั้งเพื่อนฝูงที่ไปมาหาคู่ก็มักจะกระเซ้าเย้าแหย่ว่าขนาดป้าจิตผูซึ่งเป็นภรรยา ยังไม่ได้รับการดูแลมากเท่าลูกไก,สุดรักสุดพิศวาสของลุงแกเลยแต่แม้ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม

ลุงของคุณสกุลรัตน์ก็ดูเหมือนจะยิ่งทุ่มเทแรงกายและแรงใจ เลี้ยงดูไก่ที่แกหมายหมั้นปันมากับมือชนิดที่แทบจะไม่ได้หลับนอน เพื่อให้ไข่ไก,ครอกแรกส่งขายตลาดทัน แล้วยังมีโครงการฟักไก่เพื่อขายลูกเจี๊ยบอีกทาง ซึ่งเงินทองที่ค่อยๆ พอกพูนจากรายได้เสริมนี้ทำให้เงินเก็บในธนาคารของลุงและป้าคุณสกุลรัตน์เพื่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆและเมื่อแกยิ่งเห็นว่าลู่ทางการทำกินด้านนี้พอจะไปได้ งานไร่งานนาที่ทำมาตั้งแต่ต้นจึงค่อยๆ ซาลง จนในที่สุดลุงแกก็มาทุ่มเทเวลาเพาะเลี้ยงไก,เป็นอาชีพหลักเพียงอย่างเดียว

ในช่วงแรกที่ตั้งใจจะทำมาหากินด้วยการเป็นพ่อค้าเพาะพันธุ!ก่ฃายอย่างจรงๆ จังๆ นั้น ลุงของคุณสกุลรัตน์ต้องอาศัยเงินทุนก้อนใหญ่พอควรซึ่งก็ไม่ได้!ปหยิบยืมใครมา แต่ได้มาจากเงินค่าเช่าที่นาที่จัดสรรได้มาแต่ละเดือนและเมือความตั้งใจมีมาก เงินลงทุนลงแรงรึก็มาก งานนี้จึงต้องประคบประหงมชนิดไข่ในหินกันทีเดียว อุปกรณ์ติดตามราคาถูก ลุงของคุณสกุลรัตน์จึงใช้เวลาทั้งเช้ากลางวัน เย็น ที่ว่างจากภารกิจอื่นเข้าไปขลุกอยู่กับไก,นับพันตัว ที,แกปลุกปันมากับมือตั้งแต่มันยังเป็นลูกเจี๊ยบตัวน้อยแต่ครั้นเมื่อความหวังที่จะเรียกเงินทุนคืนให้ได้มากในงวดแรก กลับต้องมาเจอกับเหตุการณ!ม่คาดฝันบางอย่างขึ้น จึงทำให้ลุงของคุณสกุลรัตน์คนที,เคยอารมณ์ดี ยิ้มแย้มตลอดเวลา กลายเป็นคนดุเดือด และขี้โมโหในพรีบตา

เครื่องติดตาม

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เล่าเรื่องผี โดยมีเครื่องดักฟังไว้ขยายเสียงเพื่อรับรู้พฤติกรรมต่างๆ (ตอนที่ 2)

นี่คือปรากฏการณ์เกี่ยวกับ เครื่องดักฟังจิ๋ว วิญญาณอีกเรื่องหนี่ง ที่ผู้เขียนได้มาจากประสบการณ์ของเพื่อนรุ่นพื่ ขีงผู้เขียนให้ความเคารพเหมือนพื่



                                                                    
ดักฟังไร้สาย
      



สาวคนหนี่ง...

ผู้เขียนขอเรียกเธอสั้นๆ ตามประสาคนคุ้นเคยว่า “พี่แจว” โดยเรื่องทั้งหมดได้เกิดขึ้นกับพี่แจ๊วและเพี่อนๆ ของเธอ เมื่อสมัยยังเป็นเด็กอยู่ หากนับถึงวันนี้ก็กว่า 30 ปีมาแล้วพี,แจ๊วเล่าว่า ตอนนั้นที่บ้านของเธอยังไม่มีไฟฟ้าใช้ และเด็กๆ สมัยนั้นชอบออกจากบ้านมาหารายได้พิเศษเป็นการช่วยพ่อแม่ในทางอ้อม ด้วยการหาเก็บพืชผักต่างๆ ไปขายที่ตลาด มีทั้งผักบุ้ง ผักซะอม ผักตำลึงผักหวาน มะพร้าว และไข่ ที่ได้จากไก่ในเล้าซึ่งได้เลี้ยงไก่ไว้ 10 กว่าตัวตอนเช้าเช้าไปดู จะออกไข่เยอะ ส่วนหนึ่งแบ่งเก็บไว้กินที'บ้าน เครื่องดักฟังราคา นอกนั้นเก็บไปขายที่ตลาดทุกเย็นหลังจากเลิกเรียนกลับบ้านแล้ว พี่แจ๊'วและเพื่อนๆ ต่างพากันไปเก็บพืชผักหาไว้ จำหน่ายเครื่องดักฟังโดยนัดพบกันว่ารุ่งขึ้นตอนเช้ามืด ใครตื่นก่อนต้องไปปลุกเรียกเพี่อนๆ เพราะการจะเดินทางไปตลาดต้องตื่นแต่ไก่โห่ เนื่องจากเป็นระยะทางที่ต้องเดินไปไกล กว่าจะไปถึงก็พอดีรุ่งสางพี่แจ๊วตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย แปรงฟัน ล้างหน้า บ้วนปาก คว้าตะกร้าผักที่เตรียมไว้แต่เมื่อเย็นวานลงจากบ้าน มีไฟฉายส่องทางอยู่ในมือ สองช้างทางยังมืดตื๋อและต้องเดินผ่านต้นไม้ใหญ่ ๆระหว่างทางจะต้องข้ามสะพานไม้ข้ามคลอง ตรงบริเวณนั้นมีต้นมะยมต้นใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง แต่พี่แจ๊'วกับเพี่อนๆ ยังไม,ทันจะข้าม เพื่อนก็เห็นใครคนหนึ่งโผล่หน้าออกมาจากต้นมะยมร่างที่โผล่ออกมาดูสูงใหญ่กว่าคนธรรมดาเล็กน้อย มองเห็นเป็นสีขาวโพลนไปทั้งตัว ทั้งที่ข้างนอกยังมืดมิดก็ยังเห็นได้ถนัด เพราะความขาวโพลนผิดปกติของคนๆ นั้นพี่แจ๊'วเองก็เห็น ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นคนธรรมดาจึงเซเข้าไปหา เจ้าของร่างขาวโพลนกลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก พวกเพี่อนๆ เห็นดังนั้นก็ร้องบอกด้วยความตกใจว่า"เอ้ย!! แจ๊วผีผี!’’

เท่านั้นเอง พี่แจ๊วบอกว่าแกถึงกับตาสว่างหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง และพอร่างขาวโพลนได้ยินดังนั้น มันก็หายวับเข้าไปในต้นมะยมทันทีทุกคนเห็นเซ่นนั้นต่างใส,เกียร์4 เท้าวิ่งไม่คิดชีวิต ไม่ได้วิงกลับบ้านนะ
แต่วิ่งไปยังหน้าตลาด โธ่...ยังห่วงขายของอีก เมื่อผักขายหมดแล้วต่างพากันกลับบ้าน และถึงแม้จะสว่างแล้วแต่เมื่อผ่านต้นมะยมทุกคนจะวิ่งตาตั้งจนถึงบ้านเหนื่อยหอบหมดสิ้นเรี่ยวแรงนี่คือเรื่องผีเบาๆ เรื่องหนึ่ง จากประสบการณ์ซึ่งผู้เล่าๆ ให้ฟังด้วยอารมณ์สนุกสนาน ผสานกับความขยาดกลัวให้เห็นโดยไม่ปิดบัง จากวันนั้นไม่นานเท่าใดนัก คุณพ่อคุณแม่และครอบครัวของพี่แจ๊วได้ย้ายไปอยู่อำ๓อบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย ซึ่งตอนเข้าไปอยู่ใหม่ๆ เพื่อนบ้านจะเล่าว่าที่นี่มีวิญญาณเฮี้ยน พี่แจ๊วได้ฟังก็ถึงกับขนลุก แต่ในยามซุกซนก็อยากรู้อยากเจอคืนหนึ่งเป็นคืนเดือนเพ็ญ พระจันทร์เต็มดวง บรรยากาศปลอดโปร่งมาก ไม,มีแม้กระทั่งเมฆหมอกที่จะมาปิดบังแสงจันทร์ในคำคืนนั้น ทั้งคุณพ่อคุณแม่และพี่สาวของพี่แจ๊วไม่ได้อยู่บ้าน เนื่องจากต้องไปดูแลคุณย่าซึ่งกำลังป่วยหนักบ้านของคุณย่าอยู่ห่างจากบ้านพื่แจ๊วเพียงแค่ 100 เมตร ท่านเลยปล่อยให้พื่แจ๊วและน้องชายอยู่กันตามลำพัง 2 คนพี,น้องความวังเวงเริ่มก่อตัวขึ้น เมื่อความเงียบเข้ามาครอบคลุมบรรยากาศภายในบ้านท่ามกลางแลงตะเกียงริบหรี่ แล้วจู่ๆ น้องชายวัย 5 ขวบของพี่แจ๊วก็ร้องไห้ขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ พี่แจ๊วก็ไม,รู้จะทำอย่างไร คิดว่าเขาคงคิดถึงพ่อแม่ ก็ได้แต่ปลอบใจบอกว่าเดี๋ยวแมกมา เงียบเถอะ อย่าร้องไห้เลยพี่แจ๊วพยายามปลอบแต่น้องชายก็ไม,ยอมหยุดลักที น้องชายบอกว่า

เห็นคุณย่าเดินเข้ามาในบ้าน พร้อมกับชีนิวไปทีห้องโถงกลางบ้านพี่แจ๊วเธอเลยรีบบอกน้องชายว่าคุณย่าอยู่ที่บ้าน ไม่ได้มาหรอกเพราะคุณย่าท่านเดินไม่ได้ น้องชายก็ยืนยันว่าคุณย่ายืนอยู่ที่เก้าอี้พร้อมกับชี้มือไปพอพี'แจ๊วมองตามก็เห็นคุณย่ายืนอยู่จริงๆ ทั้งยังได้ยินคุณย่าพูดว่า “เห็นอยู่กันตามลำพังเป็นห่วงจึงมาหา"พี่แจ''วรู้สึกแปลก'ใจมาก ก็ในเมื่อคุณย่าป่วยอยู่นาน เดินไม,ได้มาเป็นเวลาแรมปี แต่ทำไมวันนี้คุณย่าถึงเดินได้และเดินมาถึงที่บ้านของเธอ ทั้งยังจำได้ติดตาว่าคืนนั้นคุณย่าใส่ผ้าซิ่นที่เป็นผ้าไหมสวยมาก เสื้อผ้าลูกไม้สีเข้าชุดกัน ราวกับกำลังจะไปงานอะไรลักอย่างพอน้องชายพี่แจ๊วเห็นคุณย่าก็หยุดร้องไห้ แล้วทั้งสองก็ทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้ๆ คุณย่า ทว่าภาพที่เห็นนั้นกลับเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา ทำให้พี่แจ๊วต้องรีบจูงน้องวิ่งไปบ้านคุณย่าทันทีไปถึงบ้านคุณย่า พี่แจ๊วก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้คนที่อยู่ในบ้านทุกคนเพราะที่นั้นล้วนแต่เป็นลูกหลานคุณย่า ซึ่งนั้นเองที่ทำให้รู้ว่าคุณย่าได้จากเธอไปเสียแล้วพี'แจ,วยืนยัน'ว่า เสื้อผ้าที'เธอเห็นศพคุณย่าใส่อยู่ เป็นชุดเดียวกับที่เธอเห็นตอนท่านมาปรากฏให้เห็นบนบ้าน เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลกดีจากการสูญเสียคุณย่าญาติผู้ใหญ่อันเป็นที่รัก ทำให้ครอบครัวของพี่แจ๊วเศร้าสร้อยหงอยเหงาไประยะหนึ่ง และจากเหตุการณ์ที่พี'แจ๊วได้ประสบมา คือผีต้นมะยมและวิญญาณคุณย่า ทำ'ให้'พี่แจ๊,วเชื่อแน่,ว่า ผีมี'จริง แต่จะปรากฏให้เห็นเฉพาะคนบางคนเท่านั้นคืนวันหนึ่งเมื่อพี่แจ๊วกับเพื่อนสนิทที่ทำงานร่วมกัน เดินทางออกจากบ้านไปทำงานตามปกติเหมือนทุกวัน โดยซ้อนรถมอเตอร์ไซด์ของญาติคนหนึ่ง ตอนไปทำงานต้องขี่รถผ่านหน้าวัดประจำหมู่บ้านและแวบหนึ่ง จะด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบ พี่แจ๊วมองไปที่เมรุเผาศพ

เห็นดวงไฟดวงหนึ่งจะว่าดาวก็ไม่ใช่ เพราะใหญ่กว่าและอยู่ใกล้คืออยู่เหนือเมรุ เป็นดวงไฟเล็กๆ ลอยตํ่าอยู่ระดับเหนือปล่องเมรุเล็กน้อยขณะนั้นที่เมรุไม,มีไฟฟ้าเปิดอยู่ แต่เป็นแสงสว่างวูบวาบล่องลอยไปมา
สิไม่ขาวใส แต่จะขาวหม่น พี่แจ๊วกำลังจะถามญาติคนขับว่าเห็นแสงวูบวาบนั้นไหม แต่ยังไม่ทันถามแสงนั้นหายวับไป แล้วจู่ๆ ดักฟังในรถยนต์ พื่แจ๊วก็มือาการปวดศีรษะอย่างแรง และรู้สึกปวดๆ หายๆ ทั้งวัน รู้สึกอยากจะนอนเพียงอย่างเดียวไม่อยากพูดจากับใครเลย ได้แต่บ่นกับเพื่อนว่าวันนี้เป็นอะไรไปไม,รู้'หลังจากหมดเวลาทำงาน พี่แจ๊วซ้อนรถมอเตอร์ไซด์คันเดิมกลับถึง


เครื่องดักฟัง

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วิธีการติดตามรถยนต์หรือตัวบุคคลเดี๋ยวนี้สามารถใช้เครื่องติดตามได้ที่หาซื้อได้ทั่วไป

คิดให้เป็น.. เดี่ยวเห็นเองวิทยาศาสตร์ - เทคโนโลยี เป็นสมมติศาสตร์ เราควรใช้อย่างทางสายกลาง ควรรู้ว่าใช้อะไร อย่างไหน จึงจะเหมาะกับสภาพนั้นๆธรรมชาติจึงถูกทำลายน้อย จิตวิญญาณถูกทำลายน้อย แต่ต้องมีความสุขและสันติภาพมากขึ้นเราจำเป็นจะต้องปฏิบดตามกลไกของจิต ๕ ประการซึ่งข้าพเจ้าขยายความมาจากแนวความคิดของท่านพุทธทาสภิกขุดังต่อไปนี้๑. รู้ตัพร้อม(SelfAwareness) ต้อง‘ฝัก ปีกให้รู้ว่า กำลังคิดพูดทำอยู่ เครื่องติดตามระยะไกล ให้รู้ตั้งสติและสัมปชัญญะคนที่นั้งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆเกือบไม่มีความรู้ตัวทั่วพร้อม เพราะจิตส่งออกช้างนอก ไปสนใจแสงสีหน้าจอ เด็กติดเกมย่อมมีโอกาสขาดการรู้ตัวทั่วพร้อม ดังนั้น เด็กติดเกมย่อมขาดความละอายชั่ว ความกลัวบาป สติและการละอายชั่วกลัวบาปจะเป็นเจตสิกเดียวกัน๒. รู้สึกยินดีที่ได้ทำงาน (Self Contentment) การทำงานทำให้คนเกิดปัญญา และทำให้เกิดเห็นคุณค่าภายในงานนั้นเองเป็นเหตุสร้างปัญญา คนทำงานจึงมีปีติปราโมทย์คนทันสมัยผู้เกียจคร้านซอบตุหรัดตุเหร่ ในชีวิตท่องเที่ยวเป็นเดือน เป็นปี หรือท่องเที่ยวหน้าจอทีวี ท่องเที่ยวอินเตอร์เน็ตทั่งวันทั่งคืน เช่นนี้ เรียกว่าสุดโต่งทั่งสิ้น ขาดปีติปราโมทย์ เพราะไม่มีเนื้องานให้เกิดปัญญา อุปกรณ์ติดตามตัวบุคคล มีแต่ความเป็นทาสสากลอย่างเดียว๓. รู้จักรักษากายวาจาให้ปกติ (Self Control) คนที่เครียดมากประชุมทั่งวัน จะเครียดเพราะต้องรักษาผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งหลังประชุมแล้วจะมีความผิดปกติ ต้องการปลดความเครียดโดยเช้าโรงนวด กินเหล้าเคล้าอบาย หรือคนที่ทำงานซํ้าซาก เหน็ดเหนื่อยบงานที่ซํ้าท่าเดิม คนพวกนี้จะต้องคลายเครียดโดยกู่ก้องร้องตะโกนขาดการสำรวมวาจาและท่าทางให้ปกติ๔. เกิดความพอใจในความประพฤติของตน (Self Respect)คนจะน้บถือตนเองไต้ จะต้องไม่ใฝ่ตั้าและทวนกระแสความต้องการของตนเองไต้ ควบคุมให้ตนเองทำในสิ่งที่ถูกต้องไต้๕. พ้ฒนาความเชื่อจากทฤษฎี เครื่องติดตามสัญญาณโทรศัพท์ เป็นความเชื่อที,มีปัญญาของตนเข้าไปกำกับด้วย (Self Confidence) เมื่อบุคคลมีประสบการณ์เข้าไปกำกับปริยัติ จะเกิดความมั่นใจในตนเอง ว่ากำลังทำในสิ่งที่ถูกสร้าจสติสัมปชัณณ: (Self Awaremess)เกิดปีติปราโมทย์ (Self Content)อธิคัล (ทายวาจาบทติ) (Self Control)ความสงบลัก (Self Respect)ความมนใจในตนเองาศัยแหล่งจ่ายไฟภายน (Self Confidence)ความเข้าใจชอบ (Right Understanding)มรรควิธีหรอทางลายกลาง (Right Path)ปีณทากูกแก้ (Problem Solving) เพื่อนร่วมเกิด แก่ เจน ตายโดยใจความ “เพื่อนร่วมทุกข์” หมายถึง ชีวิตที่เกิดแล้วต้องผ่านกระบวนการ แก่ เจ็บ ตาย ดูแล้วก็รู้สึกธรรมดา ไม่รู้สึกว่าความหมายของเพื่อนร่วมทุกข์จะยิ่งใหญ่ จีพีเอสติดตามราคา ขนาดที่ยกย่องผู้1ให้คำจำกดความว่า คือ พระสัพพัญฌูสัมมาล้มพุทธเจ้าปุถุชนที่งหลายจะปล่อยผ่านเหตุการณ์ที่ชินเคย เห็นบ่อยๆซํ้าซากทุกวัน ไม่เห็นว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวจะมห้ศจรรย์อะไร เพราะใครๆ ก็ยอมรับว่าจริงอยู่แล้ว อาจคิดว่า สิ่งมหัศจรรย์คือ สิ่งที่ใครเห็นไม่ไต้นอกจากคนพิเศษเท่านั้นอันที่จริง ถ้าใครเห็นความเป็นเพื่อนทุกข์ ด้วยจิตที่เข้าไปหยั่งรู้ความจริง เขาจะรู้สึกเมตตา กรุณา ต่อเพื่อนร่วมทุกข์มากขึ้นเป็นทับทวี อุปมาดังคนเคยอกหัก ถูกความรักทำพิษ จะเข้าซึ้งถึงหัวใจของผู้กำลังทนทุกข์เพราะความรักเป็นพิษ ฉันใดก็ฉันนั้น

เครื่องติดตาม

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

คุณสมบัติของเครื่องดักฟัง มีหลายอย่างสามารถจำแนกได้เป็นแต่ละประเภท

 “รู้’’ เป็นปรมัตถสัจจะ สิ่งมีชีวิตจะ “รู้’’ ได้โดยไม่ต้องการการสั่งสอน ถามว่า “รู้’’ เหมือกั“สัญชาตญาณ” (นิยามของฝรั่ง)หรือไม่ ถ้าไม่แกจิต “รู้’’ อาจคล้าย “สัญชาตญาณ” ได้ดังนั้นโดยสัจจธรรม “รู้’’ เป็นเรื่องลึกซึ้ง มีความหมายในชั้นลึกชนิดที่ฝรั่งไม่รู้ไม่เคยได้ยิน คนไทยที่มีพื้นฐานจิตใจใฝ่หลักการฝรั่งก็เลยพลอยไม่รู้ไม่เคยได้ยินตามฝรั่งไปด้วย“คิด” เป็นเรื่องของการถูกสั่งสอนให้จำ ให้เข้าใจ ดังนั้น จะคิดอย่างไรจึงเป็นเรื่องของการถูกปลูกฝัง ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อคิดได้แก่ การศึกษาทั้งนอกและทั้งในระบบจำหน่ายเครื่องดักฟังคิดจึงซับซ้อนควบคุมได้ยากโดยเฉพาะความคิดของผู้อยู่หน้าเครื่องรับสื่อสารที่ทันสมัย แม้แต่เจ้าตัวยังไม่รู้เลย ทำไมคิดอย่างนั้น เพราะจิตดูดซับข้อมูลหลากเรื่องหลากรสจากเรื่องจริงในชีวิตจากเรื่องตัดต่อในความรู้ และในเครื่องรับสื่อสารในที่สุดข้อมูลของจิต กลายเปีน “ขยะความคิด”พุทธบริษ้ทถูกเน้นยํ้าให็บกฝน “รู้ขัด” และบกฝนให้ “คิดอยู่ในกรอบ” ซึ่งเป็นการบกทีมีนัยตรงกันข้ามกับการบกฝนของนักปราชญ์ตะรันตก เกือบทุกประการต่อไปนี้อาจจะอ่านได้แค,เป็นสำนวนภาษา หรืออาจจะแจ้กระจ่างความมหัศจรรย์ของภาษาไทยก็ได้ว่า ภาษาไทยมีสมรรถนะในการจำแนกสภาวธรรมอย่างน่าทึ่ง“รู้” และ “คิด”สายไฟฟ้าจะทำงานประสานกัน สร้างความหลากหลายของสภาวธรรม ความหมายของสภาวธรรมคือ สื่งที่จิตสามารถรู้อารมณ์ของตนเองด้วยตนเองโดยตนเอง ยิ่งบกฝนให้รู้ซัด ยิ่งจะเห็นซัดว่าภาษไทยนั้นทํฒนามาจากความเชื่อ “จิตเป็นประธานของสรรพสิ่งเครื่องดักฟังมือถือคิด’เห้เป็น... เดี่ยวเห็นเองสรวรุณลองสังเกตตัวเอง ไม,ก็ผู้อื่นที'กำลังจ้บจ่ายของในซุปเปอร-มาร์เกต (ตลาดรวมสินค้า) ผู้บริโภคแต่ละคนกำลังสาละวน “รู้...คิด”อยู่รอบแล้วรอบเล่า จนกว่าจะจับจ่ายเรียบร้อยตามที่ตั้งใจหยิบสินค้าขึ้นมาแต่ละชิ้น “รู้ว่าคืออะไร” “กำลังคิดว่า” ยี่ห้ออะไร สีอะไร ขนาดไหน จำนวนเท่าใด รวมทั้งคิดเปรียบเทียบราคาต่อหน่วยด้วยบางครั้ง “รู้ก็'ช่วยนำคิด” บางครั้ง “คิดก็นำร่องรู้” กลไกการรู้และการคิดจะส่งเสริมอุดหนุนกันจนสำเร็จการจับจ่ายเราทั้งหลายล้วนอยู่ในฐานะผู้บริโภคสินค้าเราจึงต้องผ่านกลไก‘รู้คิดเครื่องขยายเสียงขนาดเล็กมาอย่างซาชอง แต่ทว่าทั้ง “รู้ - คิด” ถูกปล่อยผ่านอย่างมิได้มองเห็นความสำคัญ ทั้งๆ ที่นี่คือโอกาสที่จะฟิกฝนจิตให้“รู้ชัด” และ “คิดในกรอบ” ให้ชัดอีกด้วยผู้ที่ฟิกฝนจิตตนเองจนรู้เท่าทันกลไกของจิตดีแล้ว ย่อมเข้าใจตนเองได้ คุมจิตตนเองไว้ด้วยธรรมอ้นดี และคนที่ฟิกฝนจิตอย่างดีแล้วนี้ มีจำนวนไม่มาก จึงกลายเป็นคนจิตมหัศจรรย์ในสายตาของผู้อื่น แท้ที่จริงคนทุกคนมีโอกาสฟิกฝนจิตตนให้มหัศจรรย์ได้เท่ากันทุกคนเครื่องดักฟังจิ๋วสิ่งที่ต้องการคือ กัลยาณมิตร ผู้เริ่มด้นบอกให้รู้คุณค่าของการฟิกจิต ลังคมไทยขาดกัลยาณมิตรอย่างน่าเสียดายผู้ขาดการฟิกฝนจิตตนเอง เมื่ออ่านภาษาจิตย่อมเข้าไม่ขึ้งถึงความนัยของคำ ไม่ต่างจากผู้เรียนคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ฯลฯ อ่านภาษารูปที่ปราชญ์ตะจันตกคิดขึ้นจะเข้าไม่ถึงสภาวะ ได้แต่จดจำแบบเดียวกับนกขุนทอง สอบเสร็จแล้วคืนคำเก็บไวในตำรา ไม่เก็บไว้เป็นความซาบขึ้งของจิตคิดอย่างไรฤนบุณกุคลจีงกบทวี


เครื่องดักฟัง